top of page
Image-empty-state.png

แผลกดสิวที่ตกสะเก็ด กี่วันถึงจะหาย?

แผลกดสิวที่ตกสะเก็ด กี่วันถึงจะหาย?

วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563

สะเก็ดแผล เรื่องเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

การกดสิวนั้น อาจมีแผลจากการกดแต่ละครั้งที่มีขนาดและความลึกของแผลไม่เท่ากัน
จึงเกิดการหายของแผลที่แตกต่างกันได้
แผลตกสะเก็ดตื้นๆจากการกดสิวนั้น จะใช้เวลา 2-3 วันจึงจะหลุดออก

สะเก็ดแผลเป็นการรักษาโดยธรรมชาติ สะเก็ดแผลเกิดจากเลือดที่แข็งตัวจับกันเป็นก้อนเพื่อปิดปากแผล กันไม่ให้เลือดไหลออกและไม่ให้เชื้อโรคเข้ามาในร่างกาย อาจมีหลายเหตุผลที่ทำให้สะเก็ดแผลไม่สมาน เช่น การเสียดสีจากเสื้อผ้า การเผลอเอามือไปเกาในบริเวณที่เป็นโดยไม่รู้ตัว การโกนหนวดหรืออาบน้ำ ดังนั้นเราจำเป็นต้องป้องกันสิ่งเหล่านี้ ดังนี้

1. ห้ามแกะเกาในบริเวณที่เป็นสะเก็ดแผล สะเก็ดแผลอาจทำให้เรารู้สึกคันและยากที่จะทน แต่การที่เราเกาหรือดึงสะเก็ดแผลออกมานั้นอาจทำให้แผลติดเชื้อและการสมานแผลเป็นไปได้ช้า ผิวหนังที่ถูกสร้างขึ้นมาให้ใต้สะเก็ดแผลนั้นบอบบางมาก ถ้าเราเกาหรือแกะสะเก็ดแผลออกมีโอกาสที่ผิวหนังใหม่จะถูกทำลาย วิธีป้องกันอาการคัน ให้ทาครีมหรือขี้ผึ้งจะทำให้ผิวหนังบริเวณรอบๆ ชุ่มชื้นและช่วยบรรเทาอาการคัน
2. ขี้ผึ้งป้องกันแบคทีเรีย
สิ่งที่ดีที่สุดคือการรักษาให้บริเวณแผลตกสะเก็ดแห้งและสะอาดอยู่เสมอ เราสามารถล้างทำความสะอาดได้โดยไม่ต้องถูกสะเก็ดแผลมากเกินไปและปล่อยให้แห้ง เมื่อสะเก็ดแผลแห้งให้ทาขี้ผึ้งบางๆ ที่บริเวณสะเก็ดแผลอย่างสม่ำเสมอ ข้อควรระวัง อย่าทาครีมหรือขี้ผึ้งที่สะเก็ดแผลมากเกินไปจะทำให้สะเก็ดแผลนุ่มและการรักษาแผลช้าลง
3. หลีกเลี่ยงการปิดแผล
ไม่ควรปิดพลาสเตอร์ยาในบริเวณแผลตกสะเก็ด ควรปล่อยให้แห้ง เราจะใช้ผ้าพันแผลหรือพลาสเตอร์ยาปิดบริเวณที่เป็นแผลก็ต่อเมื่อมีเลือดออกหรือแผลติดเชื้อ สะเก็ดแผลที่แห้งและสมบูรณ์จะช่วยให้กระบวนการสร้างผิวหนังใหม่รวดเร็วยึ่งขึ้น ถ้าแผลเปียกหรือถลอกแบคทีเรียจะสามารถเข้าไปในร่างกายทำให้เกิดการติดเชื้อได้ กรณีที่เป็นรอยแผลบนใบหน้าให้หลีกเลี่ยงการปิดปิดด้วยการใช้รองพื้นหรือคอนซีลเลอร์ การแต่งหน้าในบริเวณแผลตกสะเก็ดสามารถนำไปสู่การติดเชื้อและเป็นแผลเป็นได้
4. ให้เวลาร่างกายเยียวยา
เราควรอดทนรอเวลา ร่างกายต้องการเวลาในการรักษาตัวเองด้วยธรรมชาติ สิ่งที่เราต้องทำคือ ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพื่อการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว วิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามิน C, D, E, กรดโฟลิก แคลเซียม และน้ำมันตับปลาสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันช่วยให้การรักษารวดเร็วขึ้นอีกด้วย

นพ.ภัทร วรวุทธินนท์

bottom of page